เสริมจมูก เทคนิค Celebrity Nose ทรงสโลปสวย ปลายไร้ซิลิโคน
การเสริมจมูกเป็นหนึ่งในรูปแบบการศัลยกรรมที่มีความนิยมสูงมากในหมู่ผู้ที่ต้องการปรับเปลี่ยนบุคลิกและเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับทรงจมูกที่ได้รับการเรียกว่า “Celebrity Nose” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากคนดังระดับโลก เทคนิคนี้เน้นการสร้างทรงจมูกที่สวยงามมีมิติ ด้วยลักษณะทรงสโลปที่ดูเป็นธรรมชาติและปลายจมูกซึ่งไม่มีการใส่ซิลิโคน เพื่อให้ได้ลุคที่สอดคล้องกับแนวโน้มความงามที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน
ทำไมต้องเลือกเทคนิค Celebrity Nose ที่โรงพยาบาลพูจอง?
- ทรงสโลปที่สวยงามและทันสมัย: เทคนิค Celebrity Nose สร้างทรงจมูกที่มีเส้นโค้งสโลปอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งทำให้ใบหน้าดูมีมิติและนุ่มนวลมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเติมเต็มเสน่ห์ให้กับใบหน้า ทำให้ดูมีเสน่ห์และน่าหลงใหล
- ปลายจมูกไร้ซิลิโคน: ในการทำ Celebrity Nose ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เทคนิคที่ไม่จำเป็นต้องใส่ซิลิโคนในปลายจมูก ทำให้ได้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยยังคงสามารถปรับรูปทรงและแก้ไขปัญหาหลายประการได้ ซึ่งทำให้สะดวกและลดโอกาสในการเกิดปัญหาที่อาจตามมาจากการใช้งานซิลิโคน
- การฟื้นตัวที่รวดเร็ว: การเสริมจมูกด้วยเทคนิคนี้ใช้เวลาพักฟื้นที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับการทำศัลยกรรมจมูกทั่วไป ซึ่งผู้ที่ทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างรวดเร็วหลังการทำ การมีการอักเสบและบวมลดน้อยลงในระยะเวลากว่าเร็วทำให้คนไข้รู้สึกดีขึ้น
เทคนิคเสริมจมูกมีกี่แบบ: แตกต่างกันอย่างไร
การเสริมจมูกเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมสูงสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงรูปทรงจมูกและเพิ่มความมั่นใจ เทคนิคการเสริมจมูกหลักๆ มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty) และ การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) ซึ่งแต่ละแบบมีข้อแตกต่างที่สำคัญในแง่ของวิธีการ และผลลัพธ์ที่ได้ มาลองทำความรู้จักกับแต่ละเทคนิคกันดีกว่า
1. การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty)
การเสริมจมูกแบบปิดเป็นเทคนิคที่เปิดแผลบริเวณขอบรูจมูก โดยการสร้างช่องว่างบริเวณสันใต้เยื่อหุ้มกระดูกความยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร ซึ่งจะมีการใส่ซิลิโคนที่ตกแต่งเรียบร้อยแล้วเข้าไปในจมูก โดยไม่ต้องวางยาสลบ ทำให้การฟื้นตัวได้เร็วกว่า ไม่ต้องมีแผลเป็นที่เห็นได้ชัดเจน
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบปิด
- แผลเล็ก: แผลจะมีขนาดเล็กและมองไม่เห็นจากภายนอก
- การพักฟื้นรวดเร็ว: ระยะเวลาผ่าตัดประมาณ 30-60 นาที และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติในเวลาอันรวดเร็ว
- เหมาะสำหรับเคสเสริมใหม่: เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีปัญหาโครงสร้างจมูกมากนัก และต้องการทำให้โด่งขึ้น
วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูกแบบปิด
- ซิลิโคน (Silicone): วัสดุที่ได้รับความนิยม ทำให้จมูกโด่งได้ตามต้องการ
- เนื้อเยื่อเทียม (Megaderm): ช่วยลดโอกาสการทะลุและเหมาะสำหรับรองปลายจมูก
- กระดูกหลังหู (Ear Cartilage): ใช้เสริมเพื่อเพิ่มความแข็งแรง
- เนื้อเยื่อก้นกบ (Dermofat Graft): ใช้สำหรับรองปลายจมูกให้ดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
การแบ่งเทคนิคการทำจมูกแบบปิด
- เสริมจมูกโดยซิลิโคนอย่างเดียว
- เสริมจมูกโดยซิลิโคนบวกกับรองปลายด้วยกระดูกหลังหู
- เสริมจมูกโดยซิลิโคนบวกกับรองปลายด้วยเนื้อเยื่อเทียม
- เสริมจมูกโดยซิลิโคนบวกกับรองปลายด้วยเนื้อเยื่อก้นกบ
2. การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty)
การเสริมจมูกแบบเปิดเป็นการทำการศัลยกรรมที่เปิดแผลบริเวณกลางจมูก มีการตัดเปิดผนังกั้นจมูกเพื่อให้สามารถเข้าถึงโครงสร้างจมูกได้ง่ายขึ้น เทคนิคนี้มักใช้สำหรับการแก้ไขจมูกที่มีปัญหาเช่น โครงสร้างผิดปกติ ปลายจมูกต้องการการปรับให้เข้าที่
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบเปิด
- ความแม่นยำสูง: ทำให้แพทย์สามารถเห็นโครงสร้างภายในในมุมมองที่ชัดเจน
- เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาโครงสร้างจมูกมาก: เช่นจมูกเบี้ยว หรือมีการบาดเจ็บเพราะอุบัติเหตุ
- การปรับปลายจมูกที่มีประสิทธิภาพ: เหมาะสำหรับการปรับปลายจมูกให้ยกขึ้นหรือลดขนาด
ข้อจำกัด
- แผลที่มองเห็นได้: อาจมีแผลที่ต้องใช้เวลากว่าจะแข็งแรงและไม่มองเห็น
- ใช้เวลาในการพักฟื้นนานกว่า: อาจเสียเวลาในกิจกรรมประจำวันมากกว่าการทำแบบปิด
สรุป
การเสริมจมูกมีด้วยกัน 2 เทคนิคหลักคือแบบปิดและแบบเปิด เทคนิคแต่ละแบบมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความต้องการและปัญหาของจมูกผู้ที่จะทำศัลยกรรม หากคุณกำลังพิจารณาการเสริมจมูก ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาข้อมูลและคำแนะนำที่ถูกต้องตามสภาพปัญหาของคุณ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการและเหมาะสมกับใบหน้าของคุณมากที่สุด
ก่อนตัดสินใจทำการเสริมจมูก เทคนิค Celebrity Nose ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนถึงความต้องการและความเหมาะสมของใบหน้า โดยทำการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เพื่อประเมินและให้คำแนะนำที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังควรมีข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการทำ การดูแลหลังการผ่าตัด และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น